เมื่อพูดถึงโลกอนาคต หลายคนน่าจะนึกถึงโลกที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีและความสะดวกสบาย ผู้คนมากมายแต่ก็ยังสามารถอยู่ด้วยกันได้ ไม่ว่าจะเป็นบนโลกหรือจะไปสร้างอาณานิคมที่อื่นก็ตาม แน่นอนว่ามีภาพยนตร์หลายเรื่องใช้พล็อตแบบนี้ ในทางตรงกันข้ามก็มีอีกหลายเรื่องเหมือนกันที่ใช้พล็อตโลกอนาคตแต่เป็นโลกแบบดิสโทเปียแทน 12 Monkeys ก็เป็นหนึ่งในนั้น คือถ้าชมหนังเรื่องนี้ในยุคปัจจุบันนี้ผู้คนอาจจะไม่แปลกใจเท่าใดนักเพราะว่ามีหนังแนวเดียวกันให้เลือกดูหลายเรื่อง แต่ลองนึกว่าหนังนี่ออกฉายมาเกือบๆ 25 ปีแล้ว ซึ่งถ้ามองกลับไปนับว่าพล็อตเรื่องที่จินตนาการได้ลึกล้ำมากเลยทีเดียว12 Monkeys เป็นหนัง Sci-Fi แนวย้อนเวลาที่ว่าด้วยเรื่องราวของการกลับไปหาสาเหตุของไวรัสมรณะล้างโลก ในปี 1996 เกิดเหตุไวรัสไร้ที่มาคร่าล้างเผ่าพันธุ์ประชากรมนุษย์ไปกว่า 5 พันล้านคน ส่วนมนุษย์ที่เหลืออีกเพียงหยิบมือก็ต้องหนีลงไปอยู่ใต้ดินกันหมด ซึ่งในปี 2035 นักโทษอย่างเจมส์ โคล ถูกบังคับให้เป็นอาสาสมัครเพื่อนย้อนเวลากลับไปหาสาเหตุของไวรัสมรณะนี่แล้วกลับมายังโลกปัจจุบันเพื่อหาทางแก้ไขมันต่อไป อย่างไรก็ตามการย้อนเวลานั้นไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด เพราะเขาไม่ได้โผล่ไปในปีที่ต้องการ จึงต้องกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบจนกระทั่งได้กลับไปในปี 1990 เจอกับนักจิตวิทยาสาวสวยคนหนึ่งที่ชื่อว่า แคทริน เรลลี เจมส์ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลบ้าเพราะไม่มีใครเชื่อ ที่โรงพยาบาลเขาได้เจอกับคนบ้าอีกคน(ที่บางครั้งก็ดูเหมือนไม่ได้บ้า)อย่างเจฟฟรีย์ นอกจากนี้ในขณะทำภารกิจเจมส์เองก็ฝันถึงเหตุการณ์เดิมๆอยู่เสมอซึ่งก็คือ ภาพชายคนหนึ่งที่ถูกยิงท่ามกลางเสียงกรีดร้องของผู้หญิงผมทอง ก็ว่าแต่ทั้งสามคนจะมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร ภาพในความฝันมีความหมายอะไรกับเจมส์หรือไม่ แล้วเขาจะหาต้นตอของไวรัสได้สำเร็จหรือเปล่า ไปติดตามกันได้ในภาพยนตร์ค่ะ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าหนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยคนบ้า เจมส์ที่ใครๆก็มองว่าบ้าต้องไปเจอคนที่บ้ากว่าอย่างเจฟฟรีย์ ซึ่งบทนี้ได้แบรด พิตต์มารับบท บอกเลยว่าเล่นได้บ้าสมบทบาทมาก ไม่ว่าจะสายตา การพูดจา การเคลื่อนไหวของร่างกายแม้กระทั่งนิ้วมือ นั่นส่งผลให้เขาไปไกลถึงขั้นเข้าชิงรางวัลนักแสดงสมทบยอดเยี่ยมในเวทีออสการ์เลย (ในขณะนั้นแบรด พิตต์ยังไม่มีชื่อเสียงมากนัก) ต่อมาในส่วนขององค์ประกอบหนัง นับว่าดีงามทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเพลงประกอบที่เพราะมากๆ นักแสดงที่แคสมาได้เหมาะสม จินตนาการที่ล้ำยุคและฉากจบที่ “สุดจะขัดใจ” สุดๆ การย้อนเวลาในหนังเรื่องนี้มีกฎอยู่อย่างหนึ่งคือ สิ่งใดเกิดขึ้นไปแล้วเปลี่ยนแปลงไม่ได้ นั่นหมายความว่าเจมส์ทำได้แค่กลับไปหาสาเหตุของไวรัสเท่านั้น ส่วนอนาคตที่เคยเกิดขึ้นก็ยังจะเกิดอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่แน่นอนว่าสิ่งที่เขาทำได้นั้นอาจสร้าง “โอกาส” ให้คนที่เหลืออยู่มีอนาคตที่ดีขึ้นได้ ถึงแม้จะยังไม่รู้แน่ชัดว่าจะป่วยอะไรได้ไหม แต่อย่างน้อยก็ยังมีความหวัง สรุปคือไม่อยากสปอยเยอะ เดี๋ยวจะดูหนังกันไม่สนุก เพราฉะนั้นใครที่อ่านกันจบแล้ว อย่าลืมไปหา 12 Mnkeys มาดูกันด้วยน้า
ดูตัวอย่างหนังออนไลน์